วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

""นอร์ทอีส แซ่บสะเด็ด... เผ็ดฉ่า" สักการะหลวงพ่อชินประทานพร สนุกสุขสันต์กับการล่องแพ สัมผัสเกาะเซจู @ กาญจนบุรี บูชาพญานาค ณ ถ้ำนาคา วัดแก่งคอย

"นอร์ทอีส แซ่บสะเด็ด... เผ็ดฉ่า" สักการะหลวงพ่อชินประทานพร สนุกสุขสันต์กับการล่องแพ สัมผัสเกาะเซจู @ กาญจนบุรี บูชาพญานาค ณ

ถ้ำนาคา วัดแก่งคอย










บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากยางพารา ยางสังเคราะห์ อาทิเช่น ยางแผ่นรมควัน ยาง compound และยางรูปแบบอื่นที่คล้ายกัน รวมทั้งบริษัทในเครือประกอบธุรกิจทางด้านการเกษตร เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ จัดกิจกรรม "นอร์ทอีส แซ่บสะเด็ด... เผ็ดฉ่า" ซึ่งเป็นทริปที่ 2 ที่พาพนักงานมาสนุกสนานประจำปี เพื่อเป็นขัวญกำลังใจและเป็นการพักผ่อนให้แก่พนักงาน พาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีและสระบุรี โดยมีคุณเกศนรี จองโชติศิริกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด ควบคุมคุณภาพ ของบริษัทฯ ร่วมเดินทางด้วย มี หจก. วี.เอ. แอร์ ทิกเกตแอนด์ทราเวล สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย เป็นผู้ดำเนินการพาเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรีร่วมสนับสนุน













กิจกรรม "นอร์ทอีส แซ่บสะเด็ด... เผ็ดฉ่า" ในครั้งนี้ ก่อนออกเดินทางคณะนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ทุกคนได้ทำการตรวจ ATK ทุกคน และขณะเดินทางก็ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

คณะของเราเริ่มเดินทางออกจากบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) จ.บุรีรัมย์ เมื่อตอนค่ำ ถึง จ.นครปฐมในตอนเช้าตรู่ แวะทำธุระส่วนตัวและรับประทานอาหารเช้า ณ เดอะศาลายา อ.พุทธมณฑล สถานที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจด้วยสุนทรียภาพการพักผ่อนผสานความรื่นรมย์ที่ไม่เหมือนใคร หลังจากทานอาหารเช้าจนมีพลังเดินทางต่อ ก็ออกเดินทางไปสักการะ "หลวงพ่อชินประทานพร" ที่วัดถ้าเสื้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เมื่อไปถึงวัดแล้ว พวกเราต้องเดินขึ้นบันไดที่มีความสูงถึง 159 ขั้นจะถึงจะถึงด้านบน แต่มีพวกเราบางคนเห็นว่ามีรถไฟฟ้า เลยทำให้พวกเราสบายนั่งรถไฟฟ้าไปกันดีกว่า (ค่าบำรุงไฟฟ้าท่านละ 10  บาท รวมขาไปและกลับแล้ว) แต่มีบางคนอยากออกกำลังก็เดินขึ้นบันไดกัน เมื่อนั่งรถไฟฟ้าไปถึงยอดเขาด้านบนแล้ว พวกเราก็ต้องตกตะลึงกับความใหญ่โตและสวยงามของหลวงพ่อชินประทานพรที่ตั้งเด่นเป็นสง่าถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี มีพุทธลักษณะปางประทานพรที่สวยงามวิจิตร เพราะตัวองค์พระประดับด้วยโมเสดสีทองทั้งองค์ พวกเราเลยทำบุญดอกไม้ธูปเทียนมากราบสักการะขอพรท่านเป็นสิริมงคล จากนั้นพวกเราก็เดินไปยังพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท เป็นพระเจดีย์สีอิฐทั้งองค์ เมื่อเดินวนขึ้นไปแต่ละชั้นจะเห็นว่า แต่ละชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปต่างๆ มากมาย เดินจนถึงชั้นบนสุดก็เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย พวกเรากราบนมัสการพระพระบรมสารีริกธาตุเสร็จแล้ว ก็เดินกลับลงไปด้านล่างเพื่อเข้าถ้ำเสือ ซึ่งเป็นถ้ำขนาดเล็กอยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่าง ภายในประดิษฐานพระประจำวันเกิดและเจ้าแม่กวนอิม









กราบขอพรเป็นสิริมงคลแล้ว พวกเราก็เดินทางไปชมความใหญ่โตของต้นจามจุรียักษ์ อ.ด่านมะขามเตี้ย อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของกาญจนบุรี  เป็นต้นไม้อายุเก่าแก่มากกว่า 100 ปี ขนาด 10  คนโอบ แผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โตมโหฬารเป็นที่น่าอัศจรรย์ รัศมีทรงพุ่มเฉลี่ย 25.87 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางร่มเงาประมาณ 51.75  เมตร ความสูงจากพื้นดินถึงยอด 20 เมตร มี ซึ่งในปัจจุบันจะหาชมต้นไม้ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ยากมาก  พวกเราเดินชมความยิ่งใหญ่ของกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ที่แผ่ออกไปบนสะพานไม้ที่สร้างขึ้นมาวนรอบต้นไม้  เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินไปเหยียบรากต้นไม้หรือขูดขอโชคตามความเชื่อ แล้วก็ได้เวลาอาหารกลางวัน มื้อนี้เราทานกันที่ ร้านอาหารครัวอนงค์












หลังสัมผัสความใหญ่โตของต้นจามจุรี ก็เดินทางไปชมสะพานข้ามแม่น้ำแคว หรือทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้แรงงานเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรและกรรมกรชาวเอเชียที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มาสร้าง เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า ปัจจุบันเส้นทางนี้ไปสุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตก ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกเป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเดินรถบนเส้นทางนี้ทุกวัน และรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ-น้ำตก ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ โดยจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดจะเป็นช่วงโค้งมรณะที่ถ้ำกระแซ เพราะช่วงนี้ทางรถไฟจะเป็นสะพานโค้งแม่น้ำแควน้อยเลียบหน้าผายาวประมาณ 400 เมตรที่ดูน่าหวาดเสียว หลังจากถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกแล้ว ก็เดินทางไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารครัวผักหวาน ทานกันจนอิ่ม ก็สมควรแก่เวลาในการเดินทางเข้าที่พัก โรงแรม ไมค้า รีสอร์ท กาญจนบุรี เป็นโรงแรมท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น มีแม่น้ำแควใหญ่ไหลผ่าน บรรยากาศดี ห้องพักสะอาด ที่สำคัญบริการประทับใจสุดๆ


















เช้าวันใหม่ วันนี้พวกเราจะได้เดินทางไปยังเกาะเซจู ประเทศเกาหลี แต่ไม่ได้ไปถึงต่างประเทศนะ แต่เป็นเกาหลี@เมืองกาญจนบุรี นั่นคือสวนวอน แด ซอง ในซอยเก้าแสนรีสอร์ท ถ.กาญจนบุรี-ไทรโยค อยู่เลยตัวเมืองกาญจนบุรีมาประมาณ 20 กว่า กม.  เป็นสถานที่พักผ่อนท่ามกลางหุบเขาล้อมรอบ ที่สร้างตกแต่งผสมผสานให้เหมือนเกาหลีโบราณผสมผสานกับสวนดอกไม้สีสันหลากหลายที่แข่งขันกันชูช่ออวดความสวยงาม (ดอกไม้สีสวยของที่นี่จะมีให้ชมตลอดทั้งปี โดยจะหมุนเวียนสลับผลัดเปลี่ยนชนิดและสีสันไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกัน จึงเที่ยวได้ลอดทั้งปี) ในสวนก็จะมีการดีไซน์ออกแบบให้เป็นจุดถ่ายรูปเซลฟี่หลายจุดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้สีขาวกลางทุ่ง บัลลังก์ดอกไม้ บันไดสู่สวรรค์ ตัดกับทัศนียภาพแห่งขุนเขาที่มีสีเขียวชอุ่มเป็นฉากหลัง ภายในยังมีศาลากว้างที่คล้ายบ้านเกาหลีแบบโบราณที่เป็นเอกลักษณ์ และ ทอลฮารูบัง” หรือหินปู่ หนึ่งสัญลักษณ์ของเกาะเชจู เป็นรูปปั้นที่ทำมาจากหินลาวาสลัก ที่ชาวเกาะเชจู เชื่อว่าเป็นรูปปั้นที่ทำหน้าที่พิทักษ์คุ้มครองชาวบ้านและสถานที่ต่างๆ โดยมักจะมีผู้มาขอพรในเรื่องต่างๆ อาทิ ถ้าต้องการให้ร่ำรวยให้ลูบที่ท้อง ถ้าอยากมีคู่ให้ลูบที่หัวหรือหมวก ถ้าอยากได้ลูกสาวให้ลูบหู และถ้าอยากได้ลูกชายให้ลูบจมูก นอกจากนี้ถ้าใครอยากใส่ชุดฮันบก ที่นี่เขาก็มีให้เช่านะจ๊ะ ไหนๆ มาแล้วพวกเราก็ต้องถ่ายรูปไปอวดกันสักหน่อยว่าไปเที่ยวเกาะเซจู ประเทศเกาหลีมา เพราะถ้าไม่บอกใครว่าเป็นเเกาะเซจู เกาหลี@เมืองกาญจนบุรีแล้วละก็ เหมือนไปเกาหลีจริงๆ อ๋อลืมบอกไปค่าบริการเข้าชมสวนคนละ 70 บาท แต่ใช้ได้ตลอดทั้งปีเลย









ถ่ายรูปเซลฟี่ที่เกาหลีกันจนจุใจ ก็เดินทางต่อไปที่ถ้ำกระแซ ถ้ำนี้เคยเป็น ที่พักของเชลยศึก เมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า และภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ด้วย หลังจากสักการะขอพรพระพุทธรูในถ้ำเรียบร้อย ก็เดินไปถ่ายรูปจุดที่สวยที่สุดของทางรถไฟสายมรณะ เป็นรางรถไฟสะพานโค้งเลียบแม่น้ำแควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร เลียบหน้าที่มีความสูง มองลงไปด้านล่างทำหวาดเสียวขาสั่นนิดๆ แต่ก็ต้องใจกล้าเพราะอยากได้ภาพสวยๆ กลับมาเป็นที่ระลึก แล้วก็ได้เวลาอาหารเที่ยง มื้อนี้แวะทานกันที่ร้านอาหารชานชาลา













แล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยนั่นคือการล่องแพเปียก กิจกรรมสุดคลาสสิค อิสรเสรีกับกับการเล่นน้ำ ล่องแพอย่างสบายอารมณ์ไปตามกระแสอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางธรรมชาติสองฟากฝั่งของแม่น้ำแควใหญ่ที่ร่มรื่นสวยงาม ปิดท้ายวันด้วยความมันส์ ฟินไปกับงานปาร์ตี้ "นอร์ทอีส แซ่บสะเด็ด... เผ็ดฉ่า" โดยมีคุณเกศนรี จองโชติศิริกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด ควบคุมคุณภาพ ของบริษัทฯ เป็นประธานเปิดงาน สนุกสุดเหวี่ยงกับงานเลี้ยงสังสรรค์ที่สนุกสนานท่ามกลางมิตรภาพที่แสนอบอุ่น คละเคล้าเสียงเพลงหลายเวอร์ชั่น แถมได้รางวัลจากบริษัทฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี ติดมือกลับบ้านอีกด้วย













วันสุดท้ายแห่งการพักผ่อน พวกเราก็เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม ไมด้า รีสอร์ท กาญจนบุรี เดินทางกลับบุรีรัมย์ ระหว่างทางซื้อของฝากที่ร้านแก้ว อ.ท่าม่วง ที่ขึ้นชื่อติดไม้ติดมือ ได้แก่ ขนมชั้น ทองม้วนสด มะขามกวน แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารนพรัตน์ จากนั้นเดินทางผ่าน จ.สระบุรี เลยแวะเที่ยวตลาดหัวปลี อ.เฉลิมพระเกียรติ เป็นตลาดชุมชน Otop ที่อยู่ในสวนท่ามกลางธรรมชาติ อากาศโปร่งโล่งสบาย มีร้านค้าจากชุมชนจำนวน 100 ร้านค้า ที่ผ่านการฝึกอบรมในการใส่ใจสุขภาพและสุขอนามัย มีอาหาร ขนมอร่อย ปรุงสุกสดใหม่ให้ลิ้มลอง พืชผักสมุนไพรปลอดภัย ไอศกรีม เครื่องจักสาน งานหัตถกรรม ของใช้ ของที่ระลึก เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และสินค้าแปรรูป ผลิตภัณฑ์เกษตรชุมชน เพื่อให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนมีความสุข มีสุขภาพที่ดี






ปิดท้ายทริปนี้ที่วัดแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2330 เดิมชื่อว่า วัดแร้งคอย เพราะมีต้นไม้ใหญ่ไม่กี่ต้นริมแม่น้ำป่าสักด้านหลังวัดที่มีอายุมากเป็นร้อยปีเป็นที่อยู่ของอีแร้ง ชาวบ้านจึงเรียกว่าวัดแร้งคอย ต่อมาทางราชการได้ทำการตั้งชื่อวัดเป็นทางการว่า วัดจมูสโมสร” แล้วเปลี่ยนมาเป็น "วัดแก่งคอย"  พวกเรามาที่นี่เพื่อมาความวิจิตรของ “ถ้ำนาคา” วังพญานาค หนึ่งใน Unseen ที่สวยงามตระการตา ภายในตกแต่งเป็นถ้ำใต้บาดาลจำลอง เป็นที่อยู่อาศัยของพญานาค มีประติมากรรมกรรมพญานาคและพ่อปู่ศรีสุทโธ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวไทยที่มีความเชื่อในเรื่องของพญานาค ภายในประดับประดาด้วยหลอดไฟหลากสี ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำใต้น้ำที่ดูลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ภายในวัดยังมีพระธาตุเจดีย์ศรีป่าสัก เป็นเจดีย์องค์ใหญ่สีขาวตัดขอบทอง ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่ให้เราได้กราบสักการะ ภายในองค์เจดีย์มีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่อง พุทธชาดกและตำนานเทวดาต่างๆ สวยงามมากทีเดียว รอบๆ ระเบียงคดขององค์พระธาตุเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายปางประจำวันเกิดเรียงรายกันโดยจะมีโอ่งใส่น้ำพร้อมแก้วใบเล็กวางไว้ข้างๆ พระพุทธรูปประจำวันเกิดทุกองค์เพื่อให้ประชาชนรดน้ำขอพร และอนุสาวรีย์ผู้ประสบภัยทางอากาศ สงครามโลกครั้งที่สอง ที่ด้านบนติดตั้งลูกระเบิดปรมาณูที่ถูกทิ้งลงมาในคราวสงคราม เมื่อเหตุการณ์สงบลงชาวบ้านจึงเก็บมารวบรวมไว้กับข้าวของอื่น ๆ จนได้นำมาสร้างเป็นอนุสาวรีย์ในที่สุด ซ้ายมือของอนุสาวรีย์มีแท่นหินอ่อนสลักตัวอักษรจีนโบราณ เป็นแท่นที่ระลึกถึงวิญญาณทหารญี่ปุ่น ชื่อว่านายซากุโร กายิโมโตะและคณะอีก 17 นาย ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์การทิ้งระเบิดดังกล่าว สนุกสนานกับทริปนี้เป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางกลับบุรีรัมย์โดยสวัสดิภาพ

                                                                                             เรื่อง / ภาพ... อนุรักษ์ มงคลชัยประทีป

 

 

 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย Chiang Rai Flower and Art Festival 2024”

งาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย Chiang Rai Flower and  Art Festival 2024”  16 ธ.ค. 2567 ถึงวันที่ 5 ม.ค. 2568  ณ สวนไม้งามริมน้ำกก         ...