วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ดิไอคอนกรุ๊ป ร่วมกับมูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย และกรุงเทพมหานคร เพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดฝุ่น PM 2.5 ด้วยการปลูกต้นไม้ใหญ่กว่า 200 ต้น ในสวนสาธารณะ

ดิไอคอนกรุ๊ป ร่วมกับมูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย และกรุงเทพมหานคร

เพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดฝุ่น PM 2.5

ด้วยการปลูกต้นไม้ใหญ่กว่า 200 ต้น ในสวนสาธารณะ

     บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ร่วมกับ มูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทยและกรุงเทพมหานคร จัดกิจกรรม เพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว จากที่่ได้ทำกิจกรรมเวียนเทียนด้วยต้นไม้เป็นครั้งแรก และครั้งนี้บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทางมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยโดยได้รับความร่วมมือจากทางกทม.ด้วยอีกหนึ่งหน่วยงาน ได้ร่วมกันคิดริเริ่มปรับปรุงพลิกฟื้นพื้นที่แห่งนี้ ที่แต่เดิมเคยเป็นสวนสาธารณะมาก่อน แต่ปัจจุบันได้แปลงสภาพไป ทั้ง 3 หน่วยงานก็ได้มีความคิดร่วมกันว่า ควรกลับมาเพิ่มปอดให้กับเมืองกรุง ณ ลานกิจกรรม สวนน้ำตลิ่งชันถนนพุทธมณฑลสาย 1 ความพิเศษในงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาเป็นประธานร่วมในการเปิดงาน ซึ่งภายในงานมีกิจกรรมปลูกต้นไม้ใหญ่กว่า 200 ต้น อย่างเช่น ต้นราชพฤกษ์ ฯลฯ เพื่อปรับปรุงพื้นที่บริเวณสวนน้ำแห่งนั้นให้กลับมาเป็นสวนสาธารณะที่สวยงาม ร่มรื่น เป็นปอดให้กับคนเมืองได้เหมือนเดิม อีกครั้งหนึ่ง



       คุณพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ประธาน บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมที่เกิดขึ้นได้ในครั้งนี้ทางดิไอคอนกรุ๊ป ก็ได้ร่วมมือกับทางมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยเป็นครั้งที่ 2 แล้ว เราเล็งเห็นถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน เกี่ยวกับปัญหาของ PM 2.5 และก็อยากจะหาทางแก้ไขให้ตรงจุด โดยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืนกิจกรรมวันนี้ก็จะเป็นอะไรที่ดีมากๆที่ได้ทำร่วมกัน

        ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเนื่องจากเป็นวันรักต้นไม้ประจำปีของชาติด้วย ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นทาง กทม. และทางดิไอคอนกรุ๊ปด้วย



        ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าว่า ในส่วนนี้ก็เป็นพื้นที่ของกทม.เราก็ได้เวรคืนที่มาจำนวนกว่า 20 ไร่ เราอยากทำเป็นสวนเล็กๆ ให้คนเดินเล่น อยากให้มีกระจายอยู่ให้ทั่วกรุงเทพเดินทางไม่เกิน 15 นาที เหมือนในยุโรป ในญี่ปุ่น ที่มีสวนเล็กๆ ใกล้บ้าน คนสูงอายุ ครอบครัว ก็มาใช้ได้ ตรงนี้ก็มีคนมาใช้ หลังๆ ก็เริ่มทรุดโทรมลง กทม.เราร่วมปลูกไปแล้วกว่า 6 แสนต้น ทั่วกรุงเทพ แต่ละต้นเรามีการลงแอป จะรู้เลยว่าแต่ละต้นที่ปลูกอยู่ที่ไหนใครดูแล หรือโตขึ้นอย่างไร  ก็ต้องของคุณทาง ดร.วิจารย์ และ บอสพอล สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ อย่างที่บอก กทม.ไม่สามารถปลูกได้เองทั้งหมด หลายๆ ฝ่ายต้องช่วยๆ กัน ต้องขอบพระคุณทุกท่าน ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมกันอีกหนึ่งกิจกรรม อย่างที่ทุกท่านทราบกันอยู่แล้ว ปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช้ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง  ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อให้สิ่งแวดล้อม อย่างน้อยก็บริเวณใกล้ๆ ที่เราอยู่ให้มันน่าอยู่ยิ่งๆ ขึ้นไป คนละไม้คนละมือ เพื่อสังคมที่น่าอยู่มากขึ้น

วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2566

สวนหลวง-สามย่าน จัดยิ่งใหญ่เทศกาลกินเจทั่วทั้งย่าน อิ่มบุญ อิ่มกาย สบายใจ ได้กุศล ตลอด 9 วัน ระหว่างวันที่ 15-23 ตุลาคม 2566

สวนหลวง-สามย่าน จัดยิ่งใหญ่เทศกาลกินเจทั่วทั้งย่าน

อิ่มบุญ อิ่มกาย สบายใจ ได้กุศล ตลอด 9 วัน

ระหว่างวันที่ 15-23 ตุลาคม 2566

      เริ่มแล้ว! เทศกาลกินเจ สวนหลวง-สามย่าน จัดงานเทศกาลกิน้จอย่างยิ่งใหญ่ “อิ่มบุญ อิ่มกาย สบายใจ ได้กุศล” ต้อนรับเทศกาลกินเจด้วยการสักการะขอพรเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ พร้อมแจกอาหารเจตลอดเทศกาล 9 วัน เวลา 09.00 น. ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิมอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ (ติดถนนบรรทัดทอง) 

     และยังร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน AMAZING J FEST 2023 เป็นงานเทศกาลกินเจเพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามที่เพิ่มเติมความทันสมัยเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ พร้อมอัญเชิญเจ้าแม่กวนอิม 3 ปางหายากจากพุทธสถานปักกิ่งประเทศจีนประดิษฐาน ณ วิหารพระโพธิสัตว์ มูลนิธิพุทธานุสรณ์ อ. บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ประกอบด้วย เจ้าแม่กวนอิมปางประทาน  ความไม่มีโรค, ปางพันมือ และปางมงคลโบราณ เพื่อเสริมสิริมงคล โดยมีนายชาญยุทธ เศวตสุวรรณ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนายสุชัย วิเศษลีลา กรรมการผู้จัดการ บริษัทน้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน), นายเติมพงษ์ วิเศษสมบัติ ผู้บริหาร บริษัทมูฟฟ์มีเดีย กรุ๊ป จำกัด และนายดำรง  เลี้ยงชีพ ผู้จัดการทั่วไป สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ (PMCU) ร่วมงาน เมื่อเร็วๆ นี้


    สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การจัดแสดงเชิดสิงโต มังกรทองเสริมสิริมงคลเบิกฤกษ์เทศกาลกินเจ พร้อมโชว์การทำ “ข้าวผัดหม่าล่า เจ จานยักษ์” สนับสนุนเรื่อง Soft Power Tourism เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (gastronomy tourism) เสริมเอกลักษณ์ของไทยซึ่งมีจุดเด่นด้านอาหาร ด้วยการนำเสนอให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้รับรู้ในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเทศกาลที่ประเทศไทยเป็น destination หลัก โดยรวบรวมร้านอาหารเจชื่อดังหลากหลายทั้งร้านรุ่นเก๋าในตำนานและร้านขวัญใจโซเชียลให้เลือกอร่อย อาทิ J&G นํ้าลําไยออร์แกนิก เจ้าดังตลาดนัดมศว., ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน, อิ่วก้วยเจ๊เกียว, ING TEAHOUSE ไอศกรีมถั่วตัดผักชีไต้หวัน, ผัดไทยไฟทะลุ, D.K.Bakery ป้ันแป้งปาท่องโก๋สะบัดนํ้ามัน500คิว, Coco’s Story ขนมถ้วยมะพร้าวอ่อน, ขนมไหมฟ้าหนวดมังกร ฯลฯ


     นอกจากนี้ยังสามารถเลือกซื้อวัตถุดิบทำอาหารเจหลากหลาย ที่ตลาดสามย่าน ตลาดที่ได้รับรางวัลคุณภาพมากมายให้เตรียมวัตถุดิบทั้งผัก ผลไม้ โปรตีนเกษตร ดอกไม้จีน เต้าหู้ เครื่องปรุงรส เห็ดหอม เครื่องเทศของหวาน ฯลฯ  รวมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารเจหลากหลายจากร้านดังประจำตลาดสามย่าน อาทิ เจ๊นากุยช่ายเจ้าดังตลาดสามย่าน, ครัวสีขาว, อู้ฟู่, ร้านพี่ภา, ร้าน Aimaroi Soymilk, ก๋วยเตี๋ยวภูเก็ต, ร้านเจ๊หงษ์, ร้านเต้าหู้ทอดสามย่าน, ร้านเฮียเม้ง และ ร้านเจ๊แหม่ม

     อิ่มอร่อยรายล้อมด้วยร้านอาหารเจชื่อดังทั้งสวนหลวง-สามย่านและสวนหลวงสแควร์  อาทิ ร้านอบอุ่น (Vegie House)จำหน่ายอาหารเจและอาหารมังสวิรัติตลอดทั้งปี, ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด ซอยจุฬาฯ 50, ร้านไฮ้นครโภชนา ซอยจุฬาฯ 11 และ ร้านเช็งซิมอี๊ สวนหลวงสแควร์ เป็นต้น


  

    มาครบจบที่เดียว อิ่มบุญ อิ่มกาย สบายใจ ได้กุศล ตลอดเทศกาลกินเจปีนี้ สำหรับผู้เดินทางมาสวนหลวงสามย่านนั้นสามารถเดินทางได้หลากหลายเส้นทาง  

• รถยนต์ส่วนตัวสามารถจอดรถได้ที่อุทยานจุฬาฯ 100 ปี, ตลาดสามย่าน และสวนหลวงสแควร์

• รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม ลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ต่อ Shuttle Bus    สาย 2 ลงป้ายอาคารจามจุรี 14 แล้วเดินมาที่บริเวณงาน 

• รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อน ลงสถานีสยามสแควร์ ต่อ Shuttle Bus สาย 1 หรือ 4 ลงที่สถานีศาลาพระเกี้ยว และต่อรถ Shuttle Bus สาย 5 แล้วเดินมาที่สวนหลวงสแควร์

• รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานีสามย่าน ต่อรถ Shuttle Bus สาย 5 แล้วเดินมาที่สวนหลวงสแควร์

รถเมล์ที่สามารถเดินทางได้ คือ สาย 73, 73ก, 113 ป้ายถนนบรรทัดทอง 


วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2566

งานอบรม "รู้จัก รู้ลึก รู้ทัน ปัญญาประดิษฐ์ สำหรับงานวงการสื่อ"

งานอบรม "รู้จัก รู้ลึก รู้ทัน ปัญญาประดิษฐ์ สำหรับงานวงการสื่อ" 

โดยคณะอนุกรรมการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์




        ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็นประธานเปิดงานอบรมเชิงปฏิบัติการ “รู้จัก รู้ลึก รู้ทัน ปัญญาประดิษฐ์ สำหรับงานวงการสื่อ” พร้อมด้วย นายอภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์ ประธานอนุกรรมการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และ นายเทินพันธ์ แพนสมบัติ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาสื่อสำหรับประชาชน โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มาร่วมแบ่งปันความรู้ ได้แก่ ผศ.ดร.รัชนี กุลยานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และดร.นน อัครประเสริฐกุล ผู้เชี่ยวชาญส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลอาวุโส ฝ่ายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ณ ห้องแพลตตินั่ม ฮอลล์  โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ เมื่อวันอังคารที่ 10 ตุลาคม 2566


      
 
       ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า วันนี้นับเป็นจุดริเริ่มในการที่จะให้ประชาชนทุกคนเรียนรู้ให้เท่าทันกับข้อมูลข่าวสาร เพราะในปัจจุบัน ทุกคนเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสื่อ ข้อมูลข่าวสารที่เราได้รับในแต่ละวัน เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าต้นทางอยู่ที่ไหน เป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะข้อมูลต่างๆสามารถสร้างได้ด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เราจึงต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้เพื่อไม่ให้เราเองตกเป็นเหยื่อ กองทุนสื่อจึงต้องมีการจัดเก็บข้อมูลว่า “สื่อ” สามารถสร้างผลกระทบในโลกดิจิทัลได้อย่างไร ทั้งผลกระทบเชิงบวกและผลกระทบเชิงลบ อีกทั้งกองทุนสื่ออยากให้ประชาชนทุกคน รู้จัก รู้ลึก รู้ทัน เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบที่มาจากสื่อที่ไม่ปลอดภัย และเสริมสร้างทักษะการรู้เท่าทันสื่อ ทันข้อมูลข่าวสารในโลกดิจิทัล สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือเราอยากเห็นนักสร้างสื่อ คนในแวดวงสื่อ นำปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้ ให้เกิดประโยชน์เพื่อสร้างสื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ออกสู่สังคม



        นายอภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อมวลชน ในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และประธานอนุกรรมการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า อนุกรรมการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มีหน้าที่ในการทำงานให้ตอบโจทย์ในแง่ของการทำงานของสื่อ โดยเน้นเรื่องการนำนวัตกรรมสิ่งใหม่ๆ มาขยายผลและพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด หากเราพูดถึงเครื่องมือสมัยใหม่ ถ้าเรายังไม่ได้ทำให้คนรุ่นใหม่หรือคนทำสื่อเข้าใจ โอกาสในการผลิตสื่อสมัยใหม่ ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยาก เราจึงต้องจัด



         งานอบรม “รู้จัก รู้ลึก รู้ทัน ปัญญาประดิษฐ์ สำหรับงานวงการสื่อ” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในพื้นฐานเกี่ยวกับนวัตกรรม พัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ในโลกเสมือนหรือMetaverse Experience เพื่อเปิดโอกาสแห่งการเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี Platform ใหม่ ๆ ที่กำลังได้รับความสนใจว่าอาจจะเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก ในปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) สามารถทำงานได้อย่างหลากหลาย ซับซ้อน หากเรามีการป้อนข้อมูลที่มีประโยชน์ มีการจัดการที่ดีก็จะสามารถพัฒนาและผลิตผลงานสื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ออกสู่สังคมได้มากยิ่งขึ้น



          โดย งานอบรม “รู้จัก รู้ลึก รู้ทัน ปัญญาประดิษฐ์ สำหรับงานวงการสื่อ” ได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มาร่วมแบ่งปันความรู้ทั้ง 2 ท่าน ได้แก่ ดร.นน อัครประเสริฐกุล อนุกรรมการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ผู้เชี่ยวชาญส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลอาวุโส ฝ่ายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ผศ.ดร.รัชนี กุลยานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ภายในงานมีผู้ทรงคุณวุฒิ นายยศพร ปัญจมะวัต ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสุขภาพจิต ในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ รองประธานอนุกรรมการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ , นางสุนทรี ทับทิมไทย ชัยสัมฤทธิ์โชค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และ นายกฤษกร รอดช้างเผื่อน อนุกรรมการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นายเทินพันธ์ แพนสมบัติ ผู้อำนวยฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาสื่อสำหรับประชาชน และบุคลากรของกองทุนสื่อ สื่อมวลชน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงาน



       สำหรับการจัดงานอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ มีหัวข้อที่น่าสนใจ ได้แก่ Technologies in Media Creation and Beyond ,AI (Artificial Intelligence) คืออะไร AI เรียนรู้ได้อย่างไร ในภาษาที่เข้าใจง่าย , AI สามารสร้างสื่อให้เราได้มากน้อยขนาดไหนในยุคปัจจุบัน , รู้เท่าทันเครื่องมือ AI เช่น ChatGPT และกรณีศึกษาต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม Challenge Statement ให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้ลองใช้เครื่องมือ AI เพื่อดึงศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมหลังการอบรมได้ที่ www.thaimediafund.or.th

    

วันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2566

สมาคมนักออกแบบแฟชั่นแห่งฮ่องกงนำเสนอ "JUXTAPOSED 2023"เปิดประสบการณ์ Immersive Show

สมาคมนักออกแบบแฟชั่นแห่งฮ่องกงนำเสนอ "JUXTAPOSED 2023"เปิดประสบการณ์ Immersive Show

ส่งโลกแฟชั่นประชันโลกเสมือนจริงนำ 52 ดีไซเนอร์ฮ่องกงอวดผลงานพร้อม 4  ดีไซเนอร์แบรนด์ไทยรับเชิญ


        สมาคมนักออกแบบแฟชั่นแห่งฮ่องกง (Hong KongFashion Designers Association  - HKFDA) เตรียมจัดงาน “JUXTAPOSED2023 Hong Kong Fashion in Bangkok”  ด้วยความสนับสนุนของ CreateHK หน่วยงานรัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกง นำเสนอผลงานออกแบบแฟชั่นจาก 52 ดีไซเนอร์ฮ่องกง พร้อม 4 แบรนด์ไทยรับเชิญ ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน 2566 นี้ ที่ ICONSIAM กรุงเทพฯ โดยจัดขึ้นเป็นหนึ่งในรายการของเทศกาล “Hong Kong Week 2023@Bangkok”


       นิทรรศการและการแสดงแฟชั่นสุดล้ำระดับเวิลด์คลาสนี้เกิดจากการผสานความคิดสร้างสรรค์อันสุดยอดของโลกแฟชั่น กับเทคโนโลยี่ขั้นสูงโดยทีมงานนวัตกรรม Virtual Reality แถวหน้าของฮ่องกงเพื่อเปิดโอกาส ให้คนไทยได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือนจริงซึ่งได้รับความสำเร็จอย่างงดงามมาแล้วในการนำเสนอ JUXTAPOSED 2022 ที่ฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว


       ฮ่องกงพบไทย... โลกเสมือนสัมผัสโลกแห่งความจริง จินตนาการนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะที่โลกแห่งเทคโนโลยีและระบบนิเวศของเมตะเวิร์สได้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอุตสาหกรรมแฟชั่นซึ่งเกี่ยวข้องกับทุกวันของชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วยอิทธิพลของเทคโนโลยีเสมือนจริงและ เมตะเวิร์สเช่นกัน และนั่นคือที่มาของแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ ธีมแห่ง "Fashion Meta" ที่จะนำพาผู้ชมท่องโลกของ “JUXTAPOSED 2023 Hong KongFashion in Bangkok” ไปเพลิดเพลินกับผลงานของ 52 ดีไซเนอร์ฮ่องกง หลากรุ่น หลายสไตล์พร้อมดีไซเนอร์รับเชิญชาวไทยจาก 4 แบรนด์ดังต่างแนวซึ่งต่างก็มีเรื่องราวให้ชื่นชม ทั้งในด้านนวัตกรรมและฝีมือเชิงช่างอันยอดเยี่ยมแต่ละชิ้นงาน ที่จัดแสดงในนิทรรศการ คือการตีความแฟชั่นในนิยามใหม่สะท้อนจุดน่าสนใจ ในอัตลักษณ์ที่แตกต่างระหว่างวัฒนธรรมของฮ่องกงและไทย นอกจากผลงานการออกแบบเสื้อผ้ายังมีอุปกรณ์เทคโนโลยี่ และคอลเล็คชั่นภาพเสมือนที่ชวนให้ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง


       Pop-Up Shop จุดเชื่อมโยงประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ ตลอด 15 วันของการจัดงาน ผู้สนใจจะได้พบกับ Pop-Up Shopที่ผนวกความสนุกของการช้อปทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ โดยสามารถชมผลงาน แฟชั่นที่จัดแสดง ในนิทรรศการ และสั่งซื้อทางออนไลน์ ได้ทันทีในที่เดียวกันนับเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ไปไกลกว่าการชมนิทรรศการทั่วไป


         สำหรับพิธีเปิดงาน ครั้งแรกกับปรากฏการณ์ Immersive Virtual Fashion Show “JUXTAPOSED 2023 Hong Kong Fashion in Bangkok” จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการพร้อมการแสดงแฟชั่นแบบ Immersive Showที่หลอมรวมโลกจริงและเสมือนจริง สำหรับแขกรับเชิญและสื่อมวลชน ณ เจริญนครฮอลล์ ชั้น M  ศูนย์การค้า ไอคอนสยาม ในวันที่ 22 ตุลาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป โดยทีมนวัตกรรมและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีล้ำยุคสร้างสรรค์พื้นที่นิทรรศการเป็นแค็ทวอล์คเหนือจริงที่มีผู้แสดงแบบทั้งจริงและเสมือนจริง ชวนให้ผู้ชมมองเข้าไปในหลากหลายมิติของจักรวาลนฤมิตและแก่นแท้ของความคิดสร้างสรรค์จากเหล่าแฟชั่นดีไซน์เนอร์ที่เปิดจินตนาการอันทำให้โลกจริงและโลกเสมือนเกิดขึ้นได้ไม่มีที่สิ้นสุด
      "JUXTAPOSED 2023 Hong Kong Fashion in Bangkok” เปิดให้ผู้สนใจได้เข้าชมฟรี และเลือกซื้อสินค้าได้ ทุกวันระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 น.-22.00 น  ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.juxtaposed.com.hk หรือ ติดต่อ ICONSIAM โทร 02 495 7080


          
                                                                                                                      

"อาระแต แซ่บยกครัว นัวร์ยกซด" น้ำปลาร้าปรุงสุกแบรนด์ใหม่ สูตรครอบครัวคนอีสานเมืองเกินร้อย

"อาระแต แซ่บยกครัว นัวร์ยกซด"

น้ำปลาร้าปรุงสุกแบรนด์ใหม่

สูตรครอบครัวคนอีสานเมืองเกินร้อย


       "อาระแต" น้ำปลาร้าพันล้าน น้ำปลาร้าปรุงสุกแบรนด์ใหม่ สูตรจากครอบครัวคนอีสานเมืองเกินร้อย ผลิตภัณฑ์ฑ์แรกของบริษัท อีสานอินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด ตำบลหนองฮี อำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด รับรอง "แซ่บยกครัว นัวร์ยกซด" แน่นอน
        ขวัญเรือน สุขศรีนวล ผู้ผลิต กล่าวว่า น้ำปลาร้าพันล้าน "อาระแต" ผลิตภัณฑ์น้ำปลาร้าน้องใหม่ เกิดจากความคิดของคุณน้ากับหลานๆ ที่ชอบทำอาหารเป็นต้นทุน เลยอยากจะมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้สูตรตำรับรสชาดของครอบครัวได้ส่งต่อให้ผู้คนได้ลิ้มลอง


         "อาระแต" น้ำปลาร้าพันล้าน ปรุงรสต้มสุก ผลิตด้วยวัตถุดิบที่สะอาด มีคุณภาพ และคุณค่าทางโภชนาการ บรรจุในบรรจุภัณฑ์คุณภาพดีขนาด 400 มล. หุ้มพลาสติกอย่างดี มีสลากตราสัญลักษณ์ที่ชัดเจน จากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง โดยมีใบสำคัญการจดแจ้งรายละเอียดและได้รับตราสัญญลักษณ์มาตรฐานการผลิตทุกขั้นตอน หรือ อย. จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
         "อาระแต" น้ำปลาร้าพันล้าน ปรุงรสต้มสุก ถูกสุขลักษณะ อนามัย สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้ง ตำ ยำ หรือแกง รสชาดจากตันตำรับครอบครัวคนอีสานเมืองเกินร้อย (ร้อยเอ็ด) และได้ปรับสูตรให้เข้าได้กับทุกครัวเรือนในทุกภาค ด้วยการผลิตที่สะอาด มีคุณภาพ และพิถีพิถัน ทำให้เชื่อมั่นและมั่นใจได้ว่าลิ้มลองแล้ว "รสชาด "แซบยกครัว นัวส์ยกซด" ตามสโลแกนของเราแน่นอน เปลี่ยนความจำเดิมๆ ที่ที่คนทั่วไปจะกลัวและห่วงใยในเรื่องของสุขลักษณะ


          น้ำปลาร้าพันล้าน "อาระแต" ปรุงรสต้มสุก "แซ่บยกครัว นัวร์ยกซด" บรรจุ 400 มล. ราคาขวดละ 35 บาท หมาะแก่กาทุกครัวเรือนของทุกบ้าน 
         ผู้สนใจที่จะเป็นตัวแทนจำหน่าย "อาระแต" น้ำปลาร้าพันล้าน ปรุงรสต้มสุก สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร 062-425-2896 หรือเข้ามาดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ Page Facebook : น้ำปลาร้า คุณนายอาระแต
         และในอนาคต บริษัทฯ ก็ตั้งใจจะทำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่เป็นอาหารของชาวอีสานออกสู่ตลาดให้กับพี่น้องทุกๆ ภาค รวมถึงคนที่อยู่ต่างประเทศได้มีโอกาสรับประทานอาหารที่ตัวเองคิดถึง

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566

สทท. ขานรับนโยบายรัฐบาลเศรษฐา ดันท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ หนุนตั้ง Tourism War Room ขับเคลื่อนท่องเที่ยวแบบเรียลไทม์ พร้อมแถลงโครงการเสริมศักยภาพผู้สูงอายุในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล กิจกรรม ความฝันไม่มีวันหมดอายุ

สทท. ขานรับนโยบายรัฐบาลเศรษฐา ดันท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ หนุนตั้ง Tourism War Room ขับเคลื่อนท่องเที่ยวแบบเรียลไทม์

พร้อมแถลงโครงการเสริมศักยภาพผู้สูงอายุในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล กิจกรรม ความฝันไม่มีวันหมดอายุ


        นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และ รศ.ผกากรอง เทพรักษ์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ร่วมกันแถลงข่าว "ดัชนีชี้วัดผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย" ตามด้วยการแถลงข่าว "โครงการเสริมศักยภาพผู้สูงอายุในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล กิจกรรมความฝันไม่มีวันหมดอายุการใช้งาน" โดยมี คุณภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นประธานกล่าวเปิดโครงการฯ รวมทั้งการเสวนา "ทำไมต้องมี โครงการเสริมศักยภาพผู้สูงอายุในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล กิจกรรมความฝันไม่มีวันหมดอายุการใช้งาน" โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้กำกับหนังชื่อดัง ได้แก่ นายธนิตย์ จิตนุกูล นายปรัชญา ปิ่นแก้ว คุณภรณี ภู่ประเสริฐ นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ นายราเชนท์ ลิ้มกตระกูล และบัณฑิต ทองดี ร่วมเสวนา ดำเนินการโดยนายกฤตภาส ต๊ะประจำ ที่ปรึกษาโครงการฯ ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ อาทิ นางสาวรพีรัตน์ ราชาพชร ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาลูกค้าสถาบันและองค์กรชุมชน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และสื่อมวลชน ร่วมงานจำนวนมาก ณ ชั้น 10 อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถนนเพชรบุรี แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันอังคารที่ 3 ตุลาคม 2566


      สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ระดับ 69  สะท้อนสถานการณ์ท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 เป็นต้นมา เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของทั้งคนไทยและต่างชาติ ประกอบกับประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรฐกิจไทยที่ยังไม่แน่นอนและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจากวิกฤติควิด-19 นอกจากนี้ยังกังวลเกี่ยวกับ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น


     ช่วงต้นไตรมาสประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลอาจจะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของประเทศในปีหน้า นอกจากนี้ภาคการส่งออกของไทยหดตัว 10 เดือนติดต่อกัน ส่งผลให้เม็ดเงินในมือของประชาชนน้อยลง  จากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้  จึงส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น  สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาสนี้จึงต่ำกว่าไตรมาสที่ผ่านมา  แต่ดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว  และยังถือว่าต่ำกว่าปกติในระดับมาก (ปกติ 100) ร้อยละ 76 ของสถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังมีรายได้น้อยกว่าก่อนเกิดวิกฤตโควิด –19


     โดยธุรกิจร้านอาหารมีรายได้มากที่สุด ประมาณร้อยละ 64  ของรายได้ก่อนเกิดวิกฤตโควิด–19  และร้านขายของฝากของที่ระลึกมีรายได้น้อยที่สุด ประมาณร้อยละ 46 กรุงเทพมหานครมีรายได้มากที่สุด ประมาณร้อยละ 59 ส่วนภาคตะวันออกและภาคตะวันตกมีรายได้น้อยที่สุด ประมาณร้อยละ 51


     ขณะนี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีจำนวนแรงงานประมาณร้อยละ 84 ของช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด –19  น้อยกว่าก่อนเกิดวิกฤตโควิด –19 ประมาณร้อยละ 16 (คิดเป็นจำนวนแรงงาน ประมาณ 600,000 ตำแหน่ง)  แต่มีสถานประกอบการเพียงร้อยละ 4 ที่ระบุว่าต้องการแรงงานเพิ่มในไตรมาสหน้า (ประมาณ 160,000 ตำแหน่ง)


       ส่วนการคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 4/2566  ค่าดัชนีฯ อยู่ที่ 75 สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการคาดว่าในไตรมาสหน้าสถานการณ์ท่องเที่ยวจะดีขึ้นกว่าไตรมาสนี้ เนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของคนไทยและต่างชาติ รวมทั้งมีวันหยุดยาวถึง 6 ช่วง และการจัดกิจกรรมในเทศกาลต่าง ๆ ในไตรมาสหน้าจะส่งผลต่อสถานการณ์ท่องเที่ยวให้ดีขึ้น


      นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ถือเป็นข่าวดีที่รัฐบาลเศรษฐา ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอันดับแรกๆ และตั้งเป้าแบบท้าทาย สร้างรายได้รวมจากการท่องเที่ยวไว้ที่ 4 ล้านล้านบาท โดยเน้นที่มูลค่ามากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ทำให้ทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน และต้องปรับกลยุทธใหม่ นอกจาก Restart แล้ว ยังต้อง Reboost ทั้งออกแบบสินคัาและบริการตอบโจทย์และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับนักท่องเที่ยวคุณภาพยุคใหม่


      ในส่วนของภาคเอกชน เห็นการเดินหน้าเชิงรุก ทั้งเรื่องฟรีวีซา  การพัฒนาสนามบิน การตั้งทีมยุทธศาสตร์ Softpower และการเติมบูสเตอร์ซอตต่างๆ แล้วมีความมั่นใจว่าภาคการท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อน GDP ของประเทศและกระจายรายได้ให้คนไทยทั้งประเทศได้อีกครั้ง เป้าหมายรายได้ 4 ล้านล้านบาทนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้ หากทุกภาคส่วน เอกชน ภาครัฐทุกกระทรวง ร่วมกันทำงาน กำจัดอุปสรรค สร้างจุดแข็งร่วมกัน และเพื่อให้เกิดการทำงานแบบ RealTime ที่มีประสิทธิภาพ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ขอเสนอให้มีการตั้ง Tourism Warroom ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยมี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงดีอีเอส และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมกันสร้าง Tourism Big Data + Social Listening เพื่อทั้งรวบรวมข่าวสาร แก้เฟคนิวส์ ช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยวให้ปลอดภัยและมั่นใจ รวมถึงการสร้าง Digital Content ที่มีพลังบวกให้สอดรับกับโอกาสใหม่ๆตามเทรนด์ที่เกิดขึ้น และมีการสรุปนโยบายเชิงเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งเพื่อผลักดันโยบายเชิงรุกในยุค Tourism War Game นี้ที่หลายประเทศใช้ท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือ Quick win ในการฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19


         สำหรับในส่วนของ "โครงการเสริมศักยภาพผู้สูงอายุในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล กิจกรรม ความฝันไม่มีวันหมดอายุ" ที่ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) นั้น ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสถานการณ์ของผู้สูงอายุที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบทั้งทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมโดยรวม การเปลี่ยนแปลงบทบาททางสังคม และการเกษียณอายุ ผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายไปในทางเสื่อมมากกว่าการเจริญเติบโต ขาดความคล่องแคล่วว่องไว การเคลื่อนไหวร่างกาย ความคิดความอ่านช้าลง สภาพทางร่างกายเสื่อมถอยของกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อต่อ เป็นต้น


        การเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์สังคมสูงอายุจึงเป็นประเด็นที่สำคัญ จึงได้มีการจัดทำ "โครงการเสริมศักยภาพผู้สูงอายุในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลภายใต้ กิจกรรมความฝันไม่มีวันหมดอายุ" เพื่อที่จะเชิญชวนผู้สูงอายุที่สนใจจากทั่วประเทศ ร่วมทำกิจกรรมความฝันไม่มีวันหมดอายุ เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะ ผ่านการบอกกล่าวเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมา เล่าเรื่องความประทับใจหรือสิ่งที่เป็นความฝัน ที่ประทับใจที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา ผ่านการถ่ายด้วยมือถือหรืออุปกรณ์ที่ตนเองถนัด ส่งเป็นคลิปวีดีโอสั้นๆ ไม่เกิน 3-5 นาที เพื่อใช้ในการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมความฝันไม่มีวันหมดอายุ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้ร่วมกันทำกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนในประเทศ

             โดยจะมีการส่งเสริมความรู้ด้านการผลิตสื่อคลิปวีดีโอสั้น ในด้านต่างๆ ดังนี้

    1.สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จะสอนในการเรียนรู้ทักษะทางด้านดิจิทัล (Digital Skill) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญกับมนุษย์ทุกคน รวมไปถึงผู้สูงอายุด้วย เพราะทำให้เรารู้เท่าทัน มีความรอบคอบ ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลลงในสื่อสาธารณะ การรักษาความปลอดภัยของตนเองเมื่ออยู่ในระหว่างการใช้งานสื่อออนไลน์ หนึ่งตัวอย่างของการใช้ประโยชน์จากใช้เทคโนโลยีได้อย่างสร้างสรรค์เริ่มต้นจากการการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อพูดคุยกันได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าตัวผู้สนทนานั้นจะอยู่ห่างไกลกัน และนับเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่ขยับจากกิจวัตรทั่วไปที่เราคุ้นชินกันกับการทักทายด้วยการสวัสดีกัน มาสู่เทคโนโลยีใหม่แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้เป็นที่มองเห็นถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดรอบตัวเรา หนึ่งในการขยับตัวของผู้ใช้งานที่เป็นผู้สูงอายุที่น่าสนใจคือ การส่งรูปสวัสดีตอนเช้าในวันต่างๆ มีภาพพื้นหลังเป็นรูปดอกไม้ต่างๆ สีสันสวยงามตามวันนั้น เช่น สวัสดีวันจันทร์แล้วมีภาพพื้นหลังเป็นรูปดอกทานตะวันหรือดอกดาวเรืองบานหรือดอกที่มีสีเหลืองเพื่อสื่อถึงสีเหลืองของวันจันทร์ มีคำคม คำอวยพร เป็นต้น     

         2. สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะบอกในเรื่องของบทบาท เป้าหมาย การสนับสนุนการพัฒนาและยกระดับการใช้เทคโนโลยีกับการผลิตสื่อวีดีโอสั้นของผู้สูงอายุ โดยการบอกกล่าวเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมา เล่าเรื่องความประทับใจหรือสิ่งที่เป็นความฝัน ที่ประทับใจที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา ผ่านการถ่ายด้วยมือถือหรืออุปกรณ์ที่ตนเองถนัด ส่งเป็นคลิปวีดีโอสั้นๆ ไม่เกิน 3-5 นาที เพื่อใช้ในการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมความฝันไม่มีวันหมดอาย

       3. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นั้น จะให้ความสำคัญกับการผู้สูงอายุ เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้ทดลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำหรือบางคนได้เติมเต็มความฝันให้เป็นจริง ผ่าน "ดินแดนแห่งความสุข' สามารถเชื่อมโยงกับเรื่องสุขภาวะหรือสุขภาพของผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุตระหนักและเห็นคุณค่าของตนเองสังคมและช่วงวัยอื่นๆ เห็นศักยภาพของผู้สูงอายุในด้านดิจิทัล

        4. ส่วนการขยายผลในวันนี้คือ 

4.1 เพื่อเสริมทักษะการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลให้แก่ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการ 

4.2 เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและช่วยส่งเสริมให้ผู้สูงอายุ หันมาสนใจในการผลิตคลิปวีดีโอสั้นเพื่อสร้างเป็นรายได้ 

4.3 เพื่อกระตุ้นให้สังคม/ช่วงวัยอื่นๆ เห็นศักยภาพของผู้สูงอายุในด้านดิจิทัล


"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...