วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2567

สัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมาให้ได้ในคนละเป็ก EP.31-32 เที่ยวปัตตานี สัมผัสเสน่ห์ชายแดนใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

สัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมาให้ได้ในคนละเป็ก EP.31-32

เที่ยวปัตตานี สัมผัสเสน่ห์ชายแดนใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

       คนละเป็กEP.31-32 พี่เป็กและหม่อมนถนัดแดกขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในปัตตานีที่รวมความสวยงามของธรรมชาติ วัฒนธรรม ศาสนา และผู้คนที่จะทำให้คุณหลงรักเสน่ห์ของปัตตานีและได้เก็บความทรงจำดีๆของจังหวัดนี้

        เริ่มที่นี่ มัสยิดกรือเซะ มัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 450 ปี ร่วมสมัยกับยุคกรุงศรีอยุธยาปัจจุบันนี้ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ.2478 และทำการบูรณะซ่อมแซมทั้งนี้เพื่อให้มัสยิดกรือเซะคงสภาพเป็นโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองปัตตานี และใช้เป็นที่ปฏิบัติศาสนกิจได้ต่อไป

        แหลมตาชี จุดอันซีนความงามจากธรรมชาติ ที่นี่จะเป็นบริเวณของสันทรายที่ยื่นออกไปในทะเล ในลักษณะแบบจะงอย ทำให้เกิดเป็นอ่าวปัตตานีด้านในของแหลม มีความยาวประมาณ 16 กิโลเมตร และชายฝั่งก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอๆ จากคลื่นลมและกระแสน้ำถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย

        ตลาดท่าเทียบเรือประมงปัตตานี เป็นท่าเทียบเรือประมงที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ชายแดนใต้ เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลและเป็นอีกสายน้ำทางเศรษฐกิจในพื้นที่และเป็นแหล่งส่งออกของทะเลให้กับทั่วทั้งประเทศใครอยากได้ของสดๆต้องห้ามพลาดที่นี่เลย

        แพปูโชคอุดมรัชฏ์ “รับจากทะเล คืนสู่ทะเล” พี่เป็กและหม่อมถนัดแดกพาชมกระบวนการเพาะพันธ์ปูม้าซึ่งเป็นการทำประมงอย่างยั่งยืนและได้ปล่อยแม่พันธุ์ปูลงสู่ทะเลปัตตานี โดยแพปูโชคอุดมรัชฎ์เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเนื้อปูม้าต้มสุกพรีเมี่ยม  มีจุดเด่นเป็นเนื้อปูเกรดพรีเมี่ยม สด อร่อย เนื้อแน่น เป็นสินค้าคุณภาพขึ้นชื่อของจังหวัดปัตตานี

         ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่เมืองปัตตานีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวบ้านต่างให้ความเคารพนับถือ เดินทางมาสักการะบูชาเพื่อขอให้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ซึ่งก็ได้สมดังหวังกันไปหลายราย เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ และศูนย์รวมศรัทธาเสมอมา

         วัดช้างให้ วัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ภายในวิหารมีรูปปั้นหลวงปู่ทวดเท่าองค์จริงประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมของสถูปเจดีย์ มณฑป อุโบสถและหอระฆัง ที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง

          และ วัดทรายขาว จุดเริ่มต้นในอีพี32 วัดทรายขาว เป็นวัดที่มีความสวยงามอลังการด้วยสถาปัตยกรรมที่วิจิตรงดงามแปลกตา สีสดใส ทั้งพระอุโบสถ เจดีย์ วิหาร รูปปั้นเทพต่างๆ ผสมผสานศิลปะแบบหลากหลาย ทั้ง ศิลปะแบบ ไทย พม่า อินเดีย เมื่อเดินเข้ามาภายในวัดให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในดินแดนภารตะ



วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2567

เชิญช้อปบัตรบุฟเฟต์โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์สุดคุ้ม ในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 70

เชิญช้อปบัตรบุฟเฟต์โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์สุดคุ้ม 

ในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 70

       โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ขอเชิญชวนทุกท่านพบโปรโมชั่นสุดคุ้ม ในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 70 กับคูปองราคาพิเศษมากมายหลากหลายความอร่อย ไม่ว่าจะเป็น 

• บุฟเฟต์นานาชาติรวมซีฟู้ดและซูชิพรีเมียม มื้อเย็น ทั้งฟัวกราส์ วากิว กุ้งแม่น้ำ หอยนางรม ฯลฯ ราคาใบละ 999 บาท (ปกติ 1,700 บาท)

• บุฟเฟต์ติ่มซำ  มื้อกลางวัน รวมออเดิร์ฟ ผัดผัก ซุป จานหลัก ขนมหวาน และเครื่องดื่ม ราคาใบละ 850 บาท (ปกติ 1,300 บาท)

          งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 70 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 -28 มิถุนายน 2567 เวลา 08.00 – 18.00 น. ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ซื้อได้ที่ทุกห้องอาหารของโรงแรม และ Line Shopping : The Emerald Hotel  คูปองมีอายุถึงวันที่ 31 สิงหาคม 25

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2276-4567 หรือไลน์ @theemeraldhotel และ www.facebook.com/theemeraldhotel


วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ททท. ผนึกกำลัง 4 พันธมิตร เปิดตัวโครงการ "55 เมืองน่าเที่ยว 72 เส้นทางศรัทธา" กับ ดร.คฑา ชินบัญชร

ททท. ผนึกกำลัง 4 พันธมิตร เปิดตัวโครงการ  "55 เมืองน่าเที่ยว 72 เส้นทางศรัทธา" กับ ดร.คฑา ชินบัญชร

     สมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อ.คฑา ชินบัญชร พรีเซ็นเตอร์ ททท. พร้อมด้วย พร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือพีทีจี ผู้ให้บริการ PT Max Card ภูมน สมดี ผู้จัดการทั่วไป ซิกท์ เร้น อะ คาร์ ไพสิฐ แก่นจันทน์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจโรงแรม บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโรงแรมในเครือฟอร์จูน ร่วมกันจัดแคมเปญโครงการ  "55 เมืองน่าเที่ยว 72 เส้นทางศรัทธา" เพื่อส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว ในช่วง Green Season สมาชิก Max Card พร้อมรับสิทธิพิเศษ รับส่วนลด หรือสะสมคะแนน เมื่อเติมน้ำมันหรือใช้บริการภายในปั๊ม PT เข้าพักโรงแรมในเครือฟอร์จูน และใช้บริการ Sixt Rent a Car

สมัครสมาชิก Max Card เพื่อรับสิทธิพิเศษได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่สถานีบริการน้ำมัน / LPG พีที ทุกสาขา และร้านค้าที่ร่วมรายการ, LINE Official Account : PT Station, แอพพลิเคชั่น Max Me, สามารถดูรายละเอียดของการสะสมและแลกคะแนน หรือติดตามทุกข่าวสารความเคลื่อนไหวและสิทธิประโยชน์เต็มแมกซ์ได้ที่ https://www.facebook.com/ptstation หรือ PT Call Center 1614 กด 1 ทุกวัน 8.00-20.00 น.


 

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2567

"มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย" มอบทุนการศึกษาระดับชั้นประถม ประจำปี 2567 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์

"มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย"

มอบทุนการศึกษาระดับชั้นประถม ประจำปี 2567

แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์


        มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิ ๆ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการนายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ คณะกรรมการและผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพีธีมอบเงินทุนการศึกษาระดับชั้นประถม ประจำปี พ.ศ. 2567 ให้แก่เยาวชนที่ประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้มีโอกาศเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อ โดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชนและผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 10 มิฤนายน 2567



         นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า โครงการ "ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย" ด้วยการมอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี



          
โดยในปี พ.ศ. 2567 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตื๊งได้จัดสรรงบประมาณเป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ ทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร




          ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตั๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่างๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้านต่อไป ภายใต้ปฏิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง "ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต"

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมด้านสาธารณกุศลช่วยเหลือสังคมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊กมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ สวพส. เปิดอบรมหลักสูต

มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ สวพส. เปิดอบรมหลักสูตรนานาชาติ Go Organic

ความท้าทายของการผลิตและการตลาดแบบออร์แกนิก ประจำปี’67

     พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการนานาชาติ  ความท้าทายของการผลิตและการตลาดแบบออร์แกนิก ประจำปี’67 (International Workshop Programme on GO Organic : The Challenges of Organic Production and Marketing)  ณ ห้องประชุม ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567


      โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการนานาชาตินี้ เป็นความร่วมมือของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. พร้อมด้วยกระทรวงการต่างประเทศ กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA) ซึ่งมุ่งกลุ่มเรียนรู้จากนานาชาติ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 8 มิถุนายน 2567 ในรูปแบบการบรรยาย อภิปราย และการศึกษาดูงานในพื้นที่ปฏิบัติงานของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง 2 แห่ง ได้แก่ สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และเยี่ยมชมริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต เรียนรู้กระบวนการขายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก

        ศ.เกียรติคุณ ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ กรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวงและประธานคณะทำงานวิจัยมูลนิธิโครงการหลวง กล่าวว่า มูลนิธิโครงการหลวงมุ่งพัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้กับเกษตรกรในพื้นที่โครงการหลวง โดยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเกษตรกรรมที่ยั่งยืนบนพื้นที่สูง นำระบบมาตรฐานการเพาะปลูกที่ดีมาใช้ควบคุมกระบวนการเพาะปลูกของเกษตรกรตั้งแต่ในแปลงผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จนได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะปลูกที่ดี (GAP) และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี พ.ศ. 2547


ปัจจุบัน มูลนิธิโครงการหลวงได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในการผลิตพืชผักและสมุนไพร ผลไม้ พืชไร่ กาแฟ และชา รวม 76 ชนิดพืช โดยมีผลผลิตพืชผักและผลไม้อินทรีย์กว่า 10% ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์

           ดร.เพชรดา อยู่สุข  รองผู้อำนวยการสถาบันด้านบริหารจัดการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง  หรือ สวพส. กล่าวว่า   มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) ได้ขยายผลความสำเร็จของการผลิตพืชผักอินทรีย์ไปยังพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ และต่างประเทศ อาทิ สปป. ลาว และเมียนมา เพื่อเป็นการสร้างอาชีพทางเลือกให้กับเกษตรกร ซึ่งจะเห็นได้ว่าการทำเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่สูง นอกจากจะเป็นการช่วยเพิ่มรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรแล้ว ยังเป็นการผลิตที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค รวมทั้งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน


        ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการนานาชาติจาก 10 ประเทศ คือ ประเทศบังกลาเทศ ภูฏาน กัมพูชา สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา เนปาล ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา และประเทศไทย จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาพื้นที่สูงโดยถ่ายทอดตัวอย่างความสำเร็จทั้งจากเกษตรกรในพื้นที่ ผู้นำชุมชน นักพัฒนาชุมชน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนบนพื้นที่สูงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) และโมเดลเศรษฐกิจสีเขียวชีวภาพ (BCG) ตามแนวทางของมูลนิธิโครงการหลวง (Royal Project Model) เรียนรู้ความสำเร็จจากเกษตรกรในพื้นที่สูงมาสู่ระบบเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการบรรยายในหัวข้อต่างๆ อาทิ เทรนด์ตลาดผลิตภัณฑ์ออแกนิกและการเติบโต มาตรฐานออร์แกนิกในประเทศไทย และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้มาตรฐานรับรอง (Certification) กระบวนการจัดการการผลิต การขนส่งผลิตภัณฑ์โครงการหลวงจากฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร ลดการสูญเสียอาหาร มาตรฐานการควบคุมการผลิต การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (IPM) ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติจริงของเกษตกรและเจ้าหน้าที่ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาและปรับใช้ประโยชน์ในการรับมือกับความท้าทายของแต่ละประเทศ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายการพัฒนาเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนในอนาคต 


วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2567

รมว. ท่องเที่ยว - ผู้ว่าการ ททท. เปิดงาน Thailand Travel Mart Plus 2024 (TTM+)

รมว. ท่องเที่ยว - ผู้ว่าการ ททท. เปิดงาน Thailand Travel Mart Plus 2024 (TTM+) 

ดันการท่องเที่ยวไทยผ่านเรื่องราวและความประทับใจในที่ไม่มีวันลืม 

มุ่งสร้างรายได้ถึงชุมชนไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท

      นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Thailand Travel Mart Plus 2024 (TTM+) งานแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว พร้อมด้วย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), นางสาวนิรชา บัณฑิตย์ชาติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา, นายเลิศศักดิ์ ปนกลิ่น นายกสมาคมการท่องเที่ยวพังงา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และบุคคลสำคัญจากภาครัฐและเอกชนไทย ที่โรงแรม เจดับบลิว แมริออท เขาหลัก จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567

     นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว. ท่องเที่ยว เผยว่า TTM Plus 2024 ในครั้งนี้ จะเป็นเวทีสำคัญที่จะได้แสดงศักยภาพจังหวัดพังงาและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวทางภาคใต้ และมีชื่อเสียงทางด้านความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และเรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (health and wellness) ภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand : Your Stories Never End ดันการท่องเที่ยวไทยผ่านเรื่องราวและความประทับใจในที่ไม่มีวันลืม

    ด้าน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์  ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า TTM Plus 2024 เป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าการท่องเที่ยว แบบ B2B ที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย และถือเป็นงานส่งเสริมการขายในธุรกิจท่องเที่ยวในระดับสากล โดยในปี 2567 นี้มีธุรกิจต่างๆ ที่สนใจลงทะเบียนเข้าชมงานกว่า 425 ราย ซึ่งคิดเป็นธุรกิจที่เคยมาแล้วกลับมาอีกถึง 55.5% โดยส่วนใหญ่มาจาก เอเชียตะวันออก (30.4%) ยุโรป (25.2%) อาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ (20.9%) อเมริกา แอฟริกา และตะวันออกกลาง (11.3%) รวมถึงไทย (12.2%)

“งานนี้จะเป็นเวทีสำหรับการนัดหมายทางธุรกิจ 15,000 ครั้งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย คาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยประมาณ 3 พันล้านบาท และกระจายกลับคืนสู่ชุมชนไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท”

    สำหรับงาน Thailand Travel Mart (TTM) จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2544 โดย ททท. และได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนมาโดยตลอด มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับชื่อเสียงการท่องเที่ยวไทยให้เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวในแต่ละปี ซึ่งงาน TTM Plus 2024 ในครั้งนี้จะจัดไปจนถึง วันที่ 7 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท เขาหลัก จังหวัดพังงา

Tourism Minister and TAT Governor Open Thailand Travel Mart Plus 2024 (TTM+) to Promote Thai Tourism through Memorable Stories, Aiming to Generate at Least 30 Million Baht for Local Communities

          Today (June 5 2024) Mr. Sermsak Pongpanich, Minister of Tourism and Sports, presided over the opening ceremony of the Thailand Travel Mart Plus 2024 (TTM+) , a trade show for tourism products and services, alongside Ms. Thapanee Kiatphaibool, Governor of the Tourism Authority of Thailand (TAT) , Ms. Niracha Bunditchat, Deputy Governor of Phang Nga Province, and Mr. Lertsak Ponklin, President of the Phang Nga Tourism Association. The event took place at the JW Marriott Khao Lak Resort in Phang Nga Province.

         Minister of Tourism and Sports revealed that TTM Plus 2024 will be a significant platform to showcase the potential of Phang Nga and the southern Andaman provinces as a central hub for southern tourism. The region is renowned for its natural beauty and health and wellness tourism. Under the campaign "Amazing Thailand: Your Stories Never End," Thai tourism is being promoted through unforgettable stories and experiences.

        Ms. Thapanee Kiatphaibool, Governor of the Tourism Authority of Thailand (TAT) stated that TTM Plus 2024 is one of Thailand's most important B2B tourism trade shows and a key international tourism business promotion event. For the year 2024, over 425 businesses have registered to attend, with 55.5% being repeat participants. The majority come from East Asia (30.4%) , Europe (25.2%), ASEAN, South Asia, and the South Pacific (20.9%), the Americas, Africa, and the Middle East (11.3%), and Thailand (12.2%).

"This event will facilitate 15,000 business appointments between buyers and sellers, expected to generate approximately 3 billion baht for Thailand's tourism industry, with at least 30 million baht returning to local communities," said Ms. Thapanee.

       Thailand Travel Mart (TTM) was first held in 2001 by TAT, with ongoing collaboration from the private sector. The objective is to elevate the reputation of Thai tourism as a prime destination each year. This year's event will run until June 7 at the JW Marriott Khao Lak Resort in Phang Nga Province.

#สื่อสารองค์กรททท #AmazingThailand #TourismAuthorityOfThailand #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย #TTM #ThailandTravelMartPlus2024 #พังงา





สำนักงานสถิติแห่งชาติ จัดเสวนาวิชาการ ขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูลสถิติในยุค AI

สำนักงานสถิติแห่งชาติ จัดเสวนาวิชาการ ขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูลสถิติในยุค AI

เชิญวิทยากรภาครัฐ-เอกชนร่วมถกประเด็น


  
     ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมเสวนาวิชาการและนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด “DATA is all around us: The New Era of AI-driven Society ขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูลสถิติในยุคปัญญาประดิษฐ์” ในวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2567 ณ ห้องสยามพิมาน ฮอลล์ โรงแรม ดิแอทธินี โฮเทล แบงค็อก โดยเชิญทั้งเจ้าหน้าที่จากองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา สื่อมวลชน ตลอดจนประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมงาน ณ สถานที่จัดงานและผ่านช่องทางออนไลน์



       ซึ่งกิจกรรมเสวนาฯ นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมการนำข้อมูลสถิติและสารสนเทศไปใช้ประโยชน์ ที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการนำข้อมูลสถิติไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ



       ดร.ปิยนุช วุฒิสอน กล่าวว่า “สำนักงานสถิติแห่งชาติในฐานะหน่วยงานกลางทางด้านสถิติของประเทศ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีส่วนในการส่งเสริมการนำข้อมูลสถิติไปใช้ประโยชน์ เพราะข้อมูลสถิติจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อถูกนำไปใช้เท่านั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติได้พยายามส่งเสริมการนำสถิติและสารสนเทศไปใช้ประโยชน์ ตามความต้องการของแต่ละกลุ่ม User ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิจัย นักศึกษา หรือประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างการรับรู้ ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลสถิติ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม”



       การจัดกิจกรรมเสวนาวิชาการฯ และนิทรรศการในวันนี้ เป็นอีกกิจกรรมหนึ่ง ที่ทำให้เห็นถึงความสำคัญของข้อมูลสถิติในยุคปัจจุบันที่ว่ากันว่า Data ถูก Generate อยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเทคโนโลยี AI ที่สามารถประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว โดยใช้กระบวนการเรียนรู้จากข้อมูล หรือ Machine Learning เพื่อสร้างโมเดลที่สามารถทำนายผลได้อย่างแม่นยำ เห็นได้ว่าข้อมูลสำคัญและมีผลกับทุกภาคส่วน เช่น ในภาครัฐข้อมูลและสถิติเป็นตัวบ่งชี้ว่าประเทศควรวางนโยบายแบบไหน ในภาคเอกชน/ภาคธุรกิจก็ต้องใช้ข้อมูลในการผลิต การตลาด หรือประชาชนก็ต้องใช้ข้อมูลในชีวิตประจำวัน


 
       โดยในการเสวนาวิชาการฯ ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) นายชาคริต ปิตานุพงศ์ ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนางหทัยชนก ชินอุปราวัฒน์ ผู้อำนวยการกองสถิติพยากรณ์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ มาร่วม แลกเปลี่ยนทรรศนะในมุมมองของหน่วยงานภาครัฐ ถึงผลกระทบจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ต่อการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐในเรื่องข้อมูล/สถิติ และหน่วยงานภาครัฐควรปรับตัวอย่างไร ในหัวข้อ “The Future of Data in the AI Era: การขับเคลื่อนและใช้ประโยชน์จาก Data ในโลกยุค AI”



       และยังมีช่วงการเสวนาสำหรับมุมมองภาคเอกชน ในหัวข้อ “Leveraging Business with Data in the Age of AI: การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อสร้างแต้มต่อให้ธุรกิจในยุค AI” โดย ดร.อสมา กุลวานิชไชยนันท์ CEO & Co-Founder บริษัท คอราไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Data Management และ ดร. ธัญญา สัตยาอภิธาน ผู้จัดการส่วนพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยี บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด ได้มาร่วมแบ่งปันมุมมองในส่วนของผลกระทบจากเทคโนโลยี AI ต่อภาคธุรกิจ โดยได้แสดงถึงการนำข้อมูลและสถิติมาใช้ในการวางแผนเพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจในยุคนี้ ว่ามีความสำคัญมากแค่ไหน

       ผู้สนใจสามารถติดตามและใช้ประโยชน์ข้อมูลสถิติที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ผ่านหลากหลายช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ www.nso.go.th  Facebook: NSOOFTHAILAND และ ช่องทาง Social media ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ หรือโทรศัพท์ 0 2141 7500-03

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดกำลังทีมบรรเทาสาธารณภัย เร่งช่วยเหลือ - อพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมชาวเชียงราย

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดกำลังทีมบรรเทาสาธารณภัย เร่งช่วยเหลือ - อพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมชาวเชียงราย       ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที...