วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ทำไมผู้บริโภคยุคนี้ ถูกใจ ‘บ้านซีพีแลนด์’ ?

ทำไมผู้บริโภคยุคนี้ ถูกใจ ‘บ้านซีพีแลนด์’ ?

    จากงานวิจัย TerraHint Brand Series 2025 ระบุว่าความต้องการใหม่ของผู้อยู่อาศัย ไม่ใช่แค่สร้างบ้าน แต่คือสร้างคุณภาพชีวิต   เพราะจากการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 2,000 คนทั่วประเทศ พบว่า คนไทยยุคปัจจุบันเลือกบ้านจาก 3 แกนหลักคือ ความปลอดภัยเชิงโครงสร้าง คุณภาพที่คุ้มค่า และการใช้ชีวิตแบบ Wellbeing มากกว่าความหรูหราเพียงอย่างเดียว

     ในเวทีเดียวกัน บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Top 10 Brand Powerful Score และขยับสถานะจาก “แบรนด์ผู้ท้าชิง” ขึ้นสู่กลุ่ม “แบรนด์เจ้าตลาด (Market Leader Brand) สะท้อนว่าบ้านและโครงการของ CP LAND กำลัง “ตรงใจ” ผู้บริโภคมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

3 จุดต่างที่ทำให้บ้านซีพีแลนด์ถูกใจผู้ซื้อบ้านยุคนี้

1. ปลอดภัยและโปร่งใส ในยุคที่คนกลัวโครงสร้างมากกว่าราคา

หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว งานวิจัยชี้ว่า “โครงสร้างและคุณภาพการก่อสร้าง” กลายเป็นปัจจัยอันดับ 1 ในการเลือกบ้าน และผู้บริโภคให้รางวัลกับแบรนด์ที่สื่อสารเร็ว ชัด และตรงไปตรงมาเรื่องมาตรฐานอาคาร  

CP LAND วางจุดยืนชัดในเรื่อง

• มาตรฐานโครงสร้างและวัสดุที่ตรวจสอบได้

• การออกแบบเน้นความปลอดภัยโดยเฉพาะ Low-rise living

• การดูแลหลังการขายและการรับผิดชอบต่อผู้อยู่อาศัยอย่างใส่ใจ *ด้วยการรับประกัน 10 ปี

2. คุณภาพที่ “เอื้อมถึงได้” ตรงกับงบส่วนใหญ่ของคนไทย

งานวิจัยพบว่า 78% ของผู้ซื้อมองหาโครงการที่ “คุ้มค่า–ไว้ใจได้” มากกว่าความหรูฟุ่มเฟือยอย่างเดียว 

ทำให้ CP LAND แตกต่างจากผู้พัฒนาโครงการอื่นๆ ประกอบด้วย

• โฟกัสโครงการที่อยู่อาศัยและมิกซ์ยูสในระดับราคาที่เข้าถึงได้

• ให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่าในระยะยาว” ทั้งค่าใช้จ่ายดูแลบ้านและคุณภาพชีวิต

• เดินตามวิสัยทัศน์ “Accessible Communities for Life – คุณภาพเพื่อทุกชีวิต” ไม่ได้เน้นเฉพาะตลาดบน

3. ด้านความคุณภาพชีวิตและความยั่งยืน Wellbeing & Sustainable Living ที่เป็นของจริง ไม่ใช่แค่คีย์เวิร์ด

     ผู้ตอบแบบสอบถามนิยาม “Wellness” ว่า คุณภาพชีวิตที่ดี สภาพแวดล้อมดี ความปลอดภัย พื้นที่สีเขียว ความสมดุลของชีวิต และความสัมพันธ์ในครอบครัว/ชุมชน  

     ทิศทางการพัฒนาโครงการของ CP LAND คำนึงถึง

• พื้นที่สีเขียวและพื้นที่ส่วนกลางเพื่อสุขภาพกาย–ใจ

การออกแบบแบบ Universal Design รองรับผู้สูงอายุและทุกช่วงวัย  

• วัสดุประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาโครงการครอบคลุมหลายระดับรายได้

“ทั้งหมดนี้ทำให้ ‘บ้านซีพีแลนด์’ กำลังกลายเป็นคำตอบหลักของผู้ซื้อบ้านยุคปัจจุบันในสายตาผู้บริโภคทั่วประเทศ ด้วยโครงสร้างที่เชื่อมั่นได้ + คุณภาพที่เข้าถึงได้ + ชีวิตแบบ Wellbeing ที่จับต้องได้” 

 ข้อมูลเพิ่มเติม :  http://www.CPLAND.co.th 

#CPLAND #AccessibleCommunitiesForLife #คุณภาพเพื่อทุกชีวิต #TerraBKK #TerraHint2025#



วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

จุฬาฯ พลิกโฉมวงการทันตกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เปิดศูนย์การศึกษาและวิจัยด้านทันตกรรม หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

จุฬาฯ พลิกโฉมวงการทันตกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

เปิดศูนย์การศึกษาและวิจัยด้านทันตกรรม หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต 

สาขาวิชาทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (หลักสูตรนานาชาติ)



     ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานแถลงข่าวเปิดศูนย์การศึกษาและวิจัยด้านทันตกรรม หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (หลักสูตรนานาชาติ) โดยมี รองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิง ดร. ใจแจ่ม สุวรรณเวลา ประธานหลักสูตรฯ และผู้อำนวยการคลินิก กล่าวต้อนรับ และกล่าวรายงานแนะนำหลักสูตรหันตกรรมรากเทียม และทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (หลักสูตรนานาชาติ) พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ทันตแพทย์ ดร.พรชัย จันศิษย์ยานนท์ คณบดีทันตแพทยศาสตร กล่าวถึงนโยบายของคณะ ณ คลินิกทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (CUIE Clinic) อาคารพรีคลินิก ชั้น 1 คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2568


     โดยภายในงาน มีการกล่าวรายละเอียดการดำเนินงานของหลักสูตรโดย Associate Professor Dr. Nikos Mattheos ประธานฝ่ายวิชาการ และ Associate Professor Martin Schittek Janda ศาสตราจารย์รับเชิญจาก Malmo University, Sweden รวมทั้งมีกิจกรรมให้เข้าร่วมทดสอบใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย สำหรับงานทันตกรรม 4 จุด ได้แก่
1. One-Day Crown: The Complete Workflow
(ระบบงานดิจิทัลสำหรับการทำครอบฟันเสร็จได้ภายในวันเดียว)
2. Computer Assisted Implant Surgery: Implant Surgery with Real-Time Navigation
(การผ่าตัดรากฟันเทียมโดยอาศัยระบบคอมพิวเตอร์: การฝังรากเทียมด้วยระบบนำร่อง)
3. Orofacial Esthetics and Smile Design. Face Scan, and Digital Design of a New Smile (การสแกนใบหน้า และการออกแบบรอยยิ้ม
4. Advanced Applications of intraoral Scanner in Implantology and Esthetic Dentistry: Enabling patient's comfort and accuracy (การสแกนในช่องปาก)



     คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานเปิดตัวหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (หลักสูตรนานาชาติ) -Chulalongkorn University Implants and Esthetics Dentistry (CUIE) พร้อมเปิดพื้นที่ CUIE Clinic คลินิกทันตกรรมดิจิทัลที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ณ คลินิกทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (CUIE Clinic) อาคารพรีคลินิก ชั้น 1 คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อประกาศก้าวสำคัญของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการพัฒนาการเรียนการสอนและการรักษาทางทันตกรรมยุคใหม่ในหลักสูตรดังกล่าวที่ผสานเทคโนโลยีดิจิทัล ทันตกรรมรากเทียมขั้นสูง และความงามเชิงโครงสร้างใบหน้า (Functional-Esthetics) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการระดับสากลและสร้างบุคลากรเฉพาะทางคุณภาพสูงให้แก่วงการทันตแพทย์ไทยและนานาชาติ



     ศูนย์การศึกษาวิจัยด้านทันตกรรมรากเทียม และทันตตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (นานาชาติ) (Chulalongkorn University Implant and Esthetic Dentistry International Program Clinic - CUIE) เป็นศูนย์แห่งแรกของประเทศไทยที่รวบรวมการเรียนการสอนระดับนานาชาติ คลินิกดิจิทัลทันสมัย และการวิจัยระดับสากลไว้ในที่เดียว ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลกำลังเข้ามาเปลี่ยนวิถีการดูแลสุขภาพอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะด้านทันตกรรมที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสแกนใบหน้า ปัญญาประดิษฐ์เพื่อออกแบบรอยยิ้ม (AI Smile Design) ไปจนถึงหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ป่วย ทั้งด้านความแม่นยำ ความรวดเร็ว และคุณภาพการรักษาที่เหนือกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรที่มีทักษะขั้นสูงและระบบสนับสนุนที่ครบวงจร ซึ่งหลักสูตรทันตกรรมรากเทียม และทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (CUIE) คือคำตอบของโจทย์นี้

      ศูนย์ฯ แห่งนี้พัฒนามาเป็นระยะเวลามากกว่า 2 ปี ประกอบด้วย หลักสูตรปริญญาโทนานาชาติ สาขาหันตกรรมรากเทียม และทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม คลินิกทันตกรรมดิจิทัลครบวงจร ศูนย์วิจัยด้านเทคโนโลยีทันตกรรมขั้นสูง โดยคลินิกได้เปิดให้บริการเบื้องต้นมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

     คลินิก CUIE เป็นศูนย์ทันตกรรมดิจิทัลที่ก้าวล้ำที่สุดในประเทศไทย ถูกออกแบบให้เป็นหน่วยทันตกรรมเฉพาะทางครบวงจรที่ผสานเทคโนโลยี ทักษะ และนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ลดเวลาและค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย และยกระดับมาตรฐานการรักษาในประเทศไทยให้เทียบเท่าสากล โดยมีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ที่การให้บริการทางด้านทันตกรรมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงมีอุปกรณ์
เครื่องมือดิจิทัลที่ครบวงจร นอกจากนี้ยังครอบคลุมการให้บริการทันตกรรมที่สำคัญ เช่น
- Digital Workflow เต็มรูปแบบ ตั้งแต่สแกนช่องปาก ออกแบบ ไปจนถึงผลิตงานทันตกรรมด้วยระบบ CAD/CAM
- ห้องผ่าตัด Live Surgery สำหรับสอนและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการผ่าตัดรากเทียมขั้นสูง
- ระบบสแกน CT/ Intraoral / Extraoral / Face Scan เชื่อมกับซอฟต์แวร์ AI สำหรับวางแผนการรักษา
- การผ่าตัดรากเทียมด้วยระบบ Real-time Navigation ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำอย่างสูง
- เทคโนโลยี Face Scan และ Digital Smile Design เพื่ออออกแบบรอยยิ้มที่สวยงามและกลมกลืนกับใบหน้าแต่ละบุคคล


    รศ.ทญ.ดร.ใจแจ่ม สุวรรณเวลา ผู้อำนวยการหลักสูตรฯและผู้อำนวยการคลินิก CUIE กล่าวว่า คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ให้บริการผู้ป่วยเฉลี่ยปีละกว่า 300,000 ราย ซึ่งไม่เพียงเป็นการดูแลสุขภาพช่องปากของประชาชน แต่ยังเป็นสถานที่แสวงหาประสบการณ์ทางด้านการปฏิบัติที่สำคัญของทันตแพทย์หลังปริญญา ด้วยองค์ความรู้ดิจิทัลและเทคโนโลยีทันตกรรมขั้นสูง โดยมีเครื่อข่ายคณาจารย์นานาชาติหลากหลายสาขาร่วมกันพัฒนาการเรียนการสอนและบริการให้ครอบคลุมมาตรฐานระดับโลก
     ด้าน ศ.ทญ.ดร.ฑัณฑริรา พรทวีทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ CUIE กล่าวเสริมว่า CUIE เป็นแหล่งรวมของนักวิจัยระดับแนวหน้าระดับโลกด้านทันตกรรมดิจิทัล ซึ่งช่วยให้นักศึกษาปริญญาโทของเรามีโอกาสเรียนรู้และร่วมพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ ทั้งการออกแบบ ทดลอง และประเมินเครื่องมือ หรือแนวทางการรักษาใหม่ที่อาจได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในอนาคต
    Assoc. Prof. Dr. Nikos Mattheos ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการของ CUIE กล่าวว่า การเรียนรู้ในยุคปัจจุบันไม่ใช่รับฟังเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างประสบการณ์จริงผ่านสถานการณ์จำลอง การคิดวิเคราะห์ การอภิปรายกลุ่ม และการฝึกทักษะขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง CUIE ได้ออกแบบสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบรองรับทั้งหมดนี้ นอกจากนี้ศูนย์ CUIE ยังมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย เปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้าฝึกงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง

       คลินิก CUIE ยังให้บริการประชาชน ด้านรากเทียม ครอบฟันดิจิทัล และทันตกรรมเพื่อความสวยงาม พร้อมโครงการพิเศษเพื่อ
สนับสนุนการศึกษาของทันตแพทย์หลังปริญญาและช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า ได้แก่
1. โครงการ "วีเนียร์ฟันหน้า" (Anterior Veneers) ราคา 3,500 บาทต่อซี่ (จำนวนจำกัด  200 ซี่)
2. โครงการ "Digital Crown in One Day" ราคา 5,000 บาทต่อซี่ (จำนวนจำกัด 20 ซี่)
     คลินิก CUIE ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 อาคารพรีคลินิก คณะทันตแพพยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดทำการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.
     สอบถามข้อมูลหรือนัดหมาย โทร. 0-2218-8662
เว็บไซต์: https://www.implantestheticschula.com


วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเข้าพื้นที่ อพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมชาวหาดใหญ่

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเข้าพื้นที่ อพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมชาวหาดใหญ่ 

โดยทีมบรรเทาสาธารณภัย รวม 50 นาย พร้อมอุปกรณ์กู้ภัย กู้ชีพ รถกู้ภัย กู้ชีพยกสูง 4x4

ประกอบอาหารปรุงสุกแจกจ่ายอาหารกล่องพร้อมน้ำดื่ม เสื้อชูชีพ ยาสามัญประจำบ้าน และอาหารสุนัขและแมวต่อเนื่อง


     ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดสงขลา ส่งผลให้เกิดอุทกภัยขึ้นในพื้นที่ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ มอบหมายให้นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ เร่งกระจายทีมบูรณาการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ได้เร่งจัดทีมบรรเทาสาธารณภัย นำโดย นายวรพจน์ จรัสเศรษฐสิริ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ นำทีมกู้ภัย กู้ชีพ อาสาสมัคร พร้อมรถโรงครัวเคลื่อนที่ 2 คัน เรือท้องแบน 2 ลำ อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า รถกู้ภัยและรถพยาบาลขับเคลื่อน 4 ล้อ เสื้อชูชีพ น้ำดื่ม ชุดยาสามัญประจำบ้าน อาหารสุนัขและแมว เร่งลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในทันที โดยจัดตั้งกองอำนวยการฯ เพื่อประสานงานรับแจ้งเหตุและช่วยเหลือในพื้นที่ และจัดตั้งโรงครัวเคลื่อนที่ ณ บริเวณวัดคลองเรียน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งในขณะนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังคงอยู่ระหว่างปฏิบัติการภารกิจอพยพผู้ประสบภัย รวมถึงผู้ป่วย พร้อมแจกเสื้อชูชีพ และนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่ประสบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประกอบอาหารปรุงสุก พร้อมจัดเตรียมน้ำดื่ม และถุงยังชีพ เพื่อบรรทุกรถและเรือ ลงพื้นที่แจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป โดยมี มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่  เป็นผู้ประสานงานในพื้นที่และร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ หากผู้ประสบภัยในพื้นที่ต้องการขอความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ตลอด 24 ชั่วโมง


     ภายหลังจากที่เกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยอาสาสมัครกู้ภัยจุดต่างๆ ได้มีการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจwww.facebook.com/atpohtecktung หรือดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418


"สารวัตรแรมโบ้” รับรางวัล “๑ ปณิธานความดี เทิดไท้พระภูมีนนวมินทรา” ผู้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ” จากอดีตนายกฯ ชวน

"สารวัตรแรมโบ้” รับรางวัล “๑ ปณิธานความดี เทิดไท้พระภูมีนนวมินทรา” ผู้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ” จากอดีตนายกฯ ชวน
ลั่นจะทำงานรับใช้สังคม เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป

     พ.ต.อ. สุรเดช เจษฎาเดช หรือที่ใครๆ รู้จักกันในนาม “สารวัตรแรมโบ้”  ประธานประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งประเทศไทย ได้เข้ารับมอบรางวัล “๑ ปณิธานความดี เทิดไท้พระภูมีนนวมินทรา” รางวัลอันทรงเกียรติสาขาผู้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ หนึ่งในโครงการ “นวราช เชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ สร้างสรรค์พัฒนาสังคมดีเด่น ครั้งที่ 6 ประจำปี 2568” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิคุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ จากนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี คนที่ 20 และอดีตประธานรัฐสภาและสภาผู้แทนราษฎร ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568


      พ.ต.อ. สุรเดช เจษฎาเดช หรือ “สารวัตรแรมโบ้”  ประธานประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในฐานะตำรวจมือปราบน้ำดี มือขาวใสสะอาด เน้น "คุณธรรมความถูกต้อง ยุติธรรม" เป็นหลักการ เป็นอดีตตำรวจกองปราบขาลุุยผู้โด่งดังในอดีต กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ที่ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ พร้อมชน ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
      "สารวัตรแรมโบ้" มักลุยบุกจับกุมผู้ต้องหาสำคัญในคดีต่างๆ มากมายแบบไม่สนหน้าหน้าอินทร์หน้าพรหม  บางครั้งก็บุกเดี่ยวหรือมีลูกน้องคู่ใจเพียงไม่กี่คนเท่านั้น จนได้รับฉายาว่า “สารวัตรแรมโบ้” เขาคือสายเลือดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง



      ปัจจุบันดำเนินชีวิตตามรอยพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เป็นประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งประเทศไทย และทำงานรับใช้สังคม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป
       "สารวัตรแรมโบ้" กล่าวหลังได้รับรางวัลว่ารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับรางวัล “๑ ปณิธานความดี เทิดไท้พระภูมีนนวมินทรา” สาขา เกียรติคุณผู้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ และขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลนี้ทุกคน นับว่าเป็นกำลังใจอย่างยิ่งสำหรับคนที่ทำความดี ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ
      ตนตั้งปฎิธานไว้ว่า "ตนจะทำความดี มีคุณธรรม รับใช้สังคม สร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างเต็มกำลัง สุดความสามารถ เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ของสังคมต่อไป





วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

กมธ. ICT วุฒิสภา จัดสัมมนา “20 ปี ที่รอคอย ... การเปลี่ยนผ่านวิทยุท้องถิ่นสู่ระบบใบอนุญาต”

กมธ. ICT วุฒิสภา จัดสัมมนา “20 ปี ที่รอคอย ... การเปลี่ยนผ่านวิทยุท้องถิ่นสู่ระบบใบอนุญาต”

มุ่งส่งเสริมให้สื่อท้องถิ่นเป็นพลังของประชาชนอย่างแท้จริง

     คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม จัดสัมมนา เรื่อง “20 ปี ที่รอคอย ... การเปลี่ยนผ่านวิทยุท้องถิ่นสู่ระบบใบอนุญาต” โดยมีนายสุทนต์ กล้าการขาย รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง กล่าวเปิดการสัมมนา นายชิบ จิตนิยม โฆษกคณะกรรมาธิการ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย สมาชิกวุฒิสภา ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรวิชาชีพสื่อวิทยุกระจายเสียง และสภาบันการศึกษา เข้าร่วมสัมมนา ณ ห้องประชุมหมายเลข 402 - 403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา)  เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568



     นายสุทนต์ กล้าการขาย รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา วิทยุท้องถิ่นได้ทำหน้าที่เป็น “ปากเสียงของประชาชน” อย่างแท้จริง แต่ต้องดำเนินการภายใต้สถานะ “ทดลองออกอากาศ” ที่ยังไม่มีระบบใบอนุญาตที่ชัดเจนและเป็นธรรม สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการวิทยุท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางกฎหมายและการกำกับดูแล ในขณะที่บทบาทของสื่อในยุคดิจิทัลก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น กมธ.จะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในการรวบรวมข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่การเสนอแนะแนวนโยบายต่อสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดหลักเกณฑ์การส่งเสริมและการกำกับดูแลที่ชัดเจน เป็นธรรม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยความมุ่งหมายร่วมกันที่จะเห็นวิทยุท้องถิ่นไทย ก้าวสู่ระบบใบอนุญาตที่ถูกต้องและยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งของระบบสำรองเตือนภัยพิบัติ ยึดหลักสื่อปลอดภัย สร้างสรรค์ รับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้สื่อท้องถิ่นเป็นพลังของประชาชนอย่างแท้จริง และให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เป็นก้าวประวัติศาสตร์ที่จะสร้างอนาคตใหม่ให้กับวงการสื่อไทย



     ทั้งนี้ ภายในการสัมมนามีการบรรยายเรื่อง “เสียงท้องถิ่นในยุคใหม่ : พัฒนาการ การกำกับดูแลและอนาคตของกิจการวิทยุ” โดยนางสาวพิมพ์ประไพ จิตหาญ อนุกรรมาธิการ นอกจากนี้ ยังมีการอภิปรายในหัวข้อ “20 ปี ที่รอคอย ... การเปลี่ยนผ่านวิทยุท้องถิ่นสู่ระบบใบอนุญาต” จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายสุทนต์ กล้าการขาย รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม วุฒิสภา พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. พลตำรวจตรี เอกธนัช ลิ้มสังกาศ ประธานกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน (กตป.) และในฐานะ กตป.ด้านกิจการกระจายเสียง นายขวัญชาติ ดาสา เลขานุการองค์กรภาคีเครือยข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย (อวชท.) นางสาวบุษบาบรรณ มาลีแก้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีรดา บรอดแคสติ้ง จำกัด (สถานีวิทยุคลื่นบุษบาสเตชั่น) นายจักรพันธุ์ กังวลงาน หุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนเจเคพี เอ็นจิเนียร์ริ่งเรดิโอ และนายอนุพนธ์ เตจ๊ะวันโน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Asia and Pacific บริษัท Paneda จำกัด พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ที่เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียมแก่ชาวสงขลา

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียมแก่ชาวสงขลา 

มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ 

พร้อมมอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี 

ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ จังหวัดสงขลา

     มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ จำนวน 23 ราย คิดเป็นมูลค่า 455,950 บาท และได้นำรถเข็นวีลแชร์มามอบให้แก่ผู้พิการ จำนวน 15 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 45,000 บาท รวมมูลค่าการช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นเงินทั้งสิ้น 500,950 บาท (ห้าแสนเก้าร้อยห้าสิบบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ได้นำหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน ออกหน่วยให้บริการแจกแว่นสายตา บริการตัดผมชาย-หญิง และกิจกรรมนันทนาการ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยมี นายจิรวัตร์ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นางสาวสุนิษา หวานแก้ว รักษาราชการแทนผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้จังหวัดสงขลา ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ จังหวัดสงขลา เมื่อวันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568


     นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ เปิดเผยว่า โครงการ ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีวัตถุประสงค์ เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก คัดกรองผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เสริมทักษะอาชีพ ส่งมาให้มูลนิธิฯ พิจารณาตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป


     ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”


ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung และช่องทางอื่นๆ ที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung หรือที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418

## มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##


TEIJIN U-17 New Generation Cup 2025 ประเทศไทย

TEIJIN U-17 New Generation Cup 2025 ประเทศไทย 

เฟ้นหาดาวดวงใหม่ แห่งวงการลูกหนังอาเซียน
8 ทีมเยาวชนชั้นนำจาก 4 ชาติ ดวลแข้งศึกฟุตบอลนานาชาติ 


 
    องค์กร Japan Dream Football Association (JDFA) ร่วมกับ บริษัท เทยิน  โพลีเอสเตอร์ จำกัด ผู้สนับสนุนหลักการแข่งขัน ได้เปิดฉากการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนนานาชาติ รายการ TEIJIN U-17 New Generation Cup 2025 ประเทศไทย เป็นครั้งที่ 2 อย่างยิ่งใหญ่ทัวร์นาเมนต์นี้ได้รวมสุดยอดนักเตะรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี จาก 8 สโมสรชั้นนำของ 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น เวียดนาม และเมียนมา เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และก้าวสู่การเป็นดาวดวงใหม่แห่งวงการลูกหนังเอเชีย การแข่งขันจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน 2568 ณ ธนบุรี สเตเดี้ยม


     มร. มาซาโอะ คิบะ ผู้จัดการแข่งขัน และประธานองค์กร JDFA กล่าวว่า "JDFA มีเป้าหมายในการเฟ้นหาผู้เล่นที่มีศักยภาพสู่เจลีกจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การสนับสนุนจากบริษัท เทยิน โพลีเอสเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลักดันให้เยาวชนไทยเติบโตและพัฒนาทักษะรอบด้าน ทั้งในด้านกีฬา สังคม และชีวิตประจำวันเราต้องการให้ผู้เล่นเยาวชนเหล่านี้ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ พัฒนาทักษะฟุตบอล และเรียนรู้กับนักฟุตบอลเยาวชนนานาชาติ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอนาคตของฟุตบอลไทย"



     การแข่งขัน รายการ TEIJIN U-17 New Generation Cup 2025 ประเทศไทย จัดขึ้นในรูปแบบทัวร์นาเมนต์ โดยแบ่งทีมเข้าร่วมออกเป็น 2 สาย ดังนี้
กลุ่ม A ได้แก่ บีจี ปทุม (BG Pathum) ประเทศไทย พราม เอฟซี (Prime FC) ประเทศไทย ท่าข้าม ชลบุรี เอฟซี (THAKHAM Chonburi FC) ประเทศไทย และ ฟัลคอน เอฟซี (Falcon FC) ประเทศเมียนมา
กลุ่ม B ได้แก่ อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด (Assumption United) ประเทศไทย ราชนาวี เอฟซี (Rajnavy FC) ประเทศไทย พีวีเอฟ เวียดนาม (PVF Vietnam) ประเทศเวียดนาม และ อิวากิ เอฟซี (IWAKI FC) ประเทศญี่ปุ่น



     โดยทีมชนะเลิศของแต่ละสายจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยนอกจากจะได้รับถ้วยรางวัลแล้ว ยังมีรางวัลสำหรับผู้เล่นดีเด่น (Most Valuable Player) และรางวัลผู้ทำคะแนนยิงประตูยอดเยี่ยม (Top Scorer Award) อีกด้วย


     นอกจากนี้ มร. คาซูชิเกะ อาซาดะ บริษัท เทยิน โพลีเอสเตอร์ จำกัด กล่าวเสริมถึงการสนับสนุนการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ว่า “กลุ่มบริษัทเทยินมีวิสัยทัศน์ระยะยาวในการเป็น บริษัทที่ลำเลียงสังคมแห่งอนาคต และได้วางรากฐานทางธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานเกือบ 60 ปี เราให้การสนับสนุนการพัฒนาเยาวชนด้านกีฬาอย่างต่อเนื่องในประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 และในฐานะบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลอย่างลึกซึ้ง ทั้งจากผลิตภัณฑ์ DELTA (ชุดฟุตบอลและชุดฝึกซ้อม) และหนังสังเคราะห์ CORDLEY (ที่ใช้ทำลูกฟุตบอลและรองเท้าสตั๊ด) การสนับสนุนรายการนี้จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เราต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการฟุตบอลเยาวชนในภูมิภาคอาเซียนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น กลุ่มบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะได้ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของโลกฟุตบอลเยาวชน ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการตั้งเป้าหมาย และมุ่งมั่นพยายามเพื่อก้าวไปสู่อนาคตข้างหน้าในฐานะนักกีฬาอาชีพที่ดี”


      การแข่งขัน "TEIJIN U-17 New Generation Cup 2025 ประเทศไทย” จึงเป็นมากกว่าการแข่งขันฟุตบอล แต่เป็นเวทีสำคัญในการสร้างเสริมประสบการณ์ระดับนานาชาติให้กับเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี ทั้ง 8 ทีม โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้พัฒนาทักษะและความแข็งแกร่งผ่านการเผชิญหน้ากับคู่แข่งจากญี่ปุ่น เวียดนาม และเมียนมา เพื่อก้าวไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ประสบความสำเร็จในอนาคต แฟนบอลและผู้สนใจสามารถติดตามผลการแข่งขันและให้กำลังใจนักเตะเยาวชนเหล่านี้ได้ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน 2568 ณ ธนบุรี สเตเดี้ยม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือผ่านช่องทางแฟซบุ๊กเพจ  U-17 NGC 

ทำไมผู้บริโภคยุคนี้ ถูกใจ ‘บ้านซีพีแลนด์’ ?

ทำไมผู้บริโภคยุคนี้ ถูกใจ ‘บ้านซีพีแลนด์’ ?     จากงานวิจัย TerraHint Brand Series 2025 ระบุว่าความต้องการใหม่ของผู้อยู่อาศัย ไม่ใช่แค่สร้าง...